วิเคราะห์บอล บัลแกเรีย – ปารากวัย

บัลแกเรีย

จอร์จี้ เดอร์เมนด์ชีเยฟ เข้ามารับงานคุมทีมแทน คราซิเมียร์ บาลาคอฟ ที่ประกาศอำลาตำแหน่งแสดงความรับผิดชอบกรณีให้ความเห็นเรื่องเหยียดผิว ราฮีม สเตอร์ลิง หลังเกมพ่าย อังกฤษ 0-6 ในรอบคัดเลือกของศึกยูโร 2020 นัดล่าสุด โดยยังใช้งานผู้เล่นหน้าเดิมเป็นหลักและเรียกแข้งหน้าใหม่ติดโผล่าสุดเพียง 3 คนคือ จอร์จี้ จอร์จีเยฟ, วิคเตอร์ โปปอฟ กับ ดิมิทาร์ อิลีเยฟ

คาริล เดสโปดอฟ จะลงเล่นหน้าเป้าก่อน อิสมาอิล อีซ่า โดยมี อิเวลิน โปปอฟ, มาร์เซโล่ นาสซีเมนโด้ ดา คอสต้า มาร์เซลินโญ่, คริสติยัน มาลีนอฟ เดินเกมรุก ขณะที่ โบชีดาร์ คราเยฟ จะคุมแดนกลางกับ จอร์จี้ คอสตาดินอฟ ส่วน จอร์จี้ เตอร์ซิเยฟ, โบชีดาร์ ชอร์บัดชีสกี้, วาซิล โบชีคอฟ, เปตาร์ ซาเนฟ จะลงคุมแนวรับ โดยมี นิโคไล มิไฮย์ลอฟ กลับมาเฝ้าเสาแทน พลาเมน อิลีเยฟ

ปารากวัย

เอดูอาร์โด้ เบรีซโซ่ เรียกตัว อันเดรส กูบาส มิดฟิลด์วัย 23 ปีจาก ตาเยเรส กอร์โดบา ติดทีมชาติครั้งแรกและเป็นผู้เล่นหน้าใหม่คนเดียวของทีมชุดนี้ แต่ไม่มีชื่อ อันโตนิโอ ซานาเบรีย, อาเลฮานโดร โรเมโร่, โรเบิร์ต โรฮาส กับ มาตีอัส เอสปีโนซ่า ติดโผล่าสุด ด้าน มิเกล อัลมีรอน กับ ฮอร์เค่ โมเรยร่า จะสลับลงตัวจริง ส่วน เดร์ลีส กอนซาเลซ, ออสการ์ โรเมโร่, โลเรนโซ่ เมลกาเรโฮ, คริสเตียน ปาเรเดส หรือ ฟาเบียน บัลบวยน่า ยังเป็นสำรอง

มิเกล อัลมีรอน, ดารีโอ เลซกาโน่, ไบรอัน ซามูดีโอ จะลงเล่นแนวรุก แดนกลางมี ฮอร์เค่ โมเรล, ริชาร์ด ซานเชซ, มาธีอัส วียาซานตี ลงทำเกม ส่วน ฮอร์เค่ โมเรยร่า, กุสตาโว่ โกเมซ, จูเนียร์ อลอนโซ่, บลาส รีเวรอส จะลงคุมแนวรับ โดยมี โรเบร์โต้ เฟร์นานเดซ กาตีโต้ เฝ้าเสาก่อน อันโตนี ซิลวา

11 ผู้เล่นตามคาด

บัลแกเรีย (4-2-3-1) : นิโคไล มิไฮย์ลอฟ – จอร์จี้ เตอร์ซิเยฟ, โบชีดาร์ ชอร์บัดชีสกี้, วาซิล โบชีคอฟ, เปตาร์ ซาเนฟ – โบชีดาร์ คราเยฟ, จอร์จี้ คอสตาดินอฟ – อิเวลิน โปปอฟ, มาร์เซโล่ นาสซีเมนโด้ ดา คอสต้า มาร์เซลินโญ่, คริสติยัน มาลีนอฟ – คาริล เดสโปดอฟ

ปารากวัย (4-3-3) : โรเบร์โต้ เฟร์นานเดซ กาตีโต้ – ฮอร์เค่ โมเรยร่า, กุสตาโว่ โกเมซ, จูเนียร์ อลอนโซ่, บลาส รีเวรอส – ฮอร์เค่ โมเรล, ริชาร์ด ซานเชซ, มาธีอัส วียาซานตี – มิเกล อัลมีรอน, ดารีโอ เลซกาโน่, ไบรอัน ซามูดีโอ

สนาม : สตาดิโอน วาซิล เลฟสกี้, โซเฟีย

บัลแกเรีย ทำผลงานในช่วงหลังย่ำแย่ไม่ชนะตลอด 11 เกมหลังสุด แต่การเปลี่ยนเทรนเนอร์น่าจะสร้างแรงกระตุ้นได้ดีในระดับหนึ่ง ขณะเดียวกัน ปารากวัย ยุค เอดูอาร์โด้ เบรีซโซ่ ยังทำผลงานแย่ไม่ต่างจากชนะครั้งเดียวจาก 8 เกมหลัง ทีมเยือนยังเล่นนอกบ้านไม่ดีด้วย ดังนั้น บัลแกเรีย จึงมีโอกาสเบียดคว้าชัยปลดล็อคสำเร็จ

ผลที่คาด : บัลแกเรีย ชนะ ปารากวัย 2-1