แดงเดือดเจ็บระนาวก่อนแบ่งแต้มไร้สกอร์

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

แมนฯ ยูไนเต็ด 0 – ลิเวอร์พูล 0

สนาม : โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

“ผีแดง” ของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ปรับ 2 ตำแหน่งจากเกมบุกชนะ เชลซี 2-0 ในศึกเอฟเอคัพ  ดยเรียกประตูมือ 1 ดาบิด เด เคอา กลับมาเฝ้าเสาแทน เซร์คิโอ โรเมโร่ อีกตำแหน่ง แม็คโทมิเนย์ ลงคุมแดนกลางแทน เนมานย่า มาติช ที่เจ็บ ขณะที่ เจสซี่ ลินการ์ด กองกลางตัวรุกหายเจ็บก่อนกำหนด กลับมามีชื่อสำรองแล้ว

ด้าน เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือหงส์แดงได้ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ที่ติดโทษแบนเกมยุโรป กลับคืนทีมตามปกติแล้ว ทำให้ ฟาบินโญ่ ขยับไปยืนกองกลางตามเดิม

เริ่มเกมมา 2 นาทีแรก ลิเวอร์พูล ได้ฟรีคิก 2 จังหวะในเขตโทษเมื่อ ดาบิด เด เคอา ออกมาบล็อกบอลชนกับ ซาดิโอ มาเน่ โดยผู้เล่นทั้งสองทีมต่างโวย หงส์แดงเล่นฟรีคิกเขี่ยเปลี่ยนจุดก่อนเป็น เจมส์ มิลเนอร์ วิ่งมายิงแต่ติดกำแพง

นาที 15 ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิกเมื่อ เอร์เรร่า กระแทก โฌแอล มาติป ล้มลง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ รับหน้าที่ปั่นด้วยซ้ายแต่โด่งข้ามคาน

สถานการณ์ของผีแดงไม่สู้ดีเมื่อนาที 21 อังเดร์ เอร์เรร่า มาเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว ทำให้ต้องเปลี่ยนเอา อันเดรียส เปเรยร่า ลงเล่นแทน

เท่านั้นไม่พอ อีก 4 นาทีถัดมา ฆวน มาต้า ก็เดี้ยงสมบทอีกรายจากจังหวะปั้มบอลกับผู้เล่นลิเวอร์พูล ทำให้ต้องส่ง เจสซี่ย์ ลินการ์ด ที่เพิ่งหายเจ็บกลับมา ลงแทนทันที

ลิเวอร์พูลต้องเปลี่ยนตัวเช่นกันเมื่อ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ บาดเจ็บเองในจังหวะเปิดบอลแล้วข้อเท้าพลิก ทำให้ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ได้โอกาสลงในนาที 31

นาที 36 แมนฯ ยูไนเต็ดมีโอกาสลุ้นเมื่อ ปอล ป็อกบา ได้บอลหน้าเขตโทษฝั่งซ้ายก่อนซัดไกลกะเล่นเสาสอง แต่บอลไปตรง เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ที่ได้โหม่งเคลียร์ทิ้งไว้ได้

นาทีที่ 40 เจ้าถิ่นมีโอกาสงามที่สุดเมื่อ ลูกากู จ่ายทะลุช่องให้ ลินการ์ด หลุดล้ำหน้าเข้าเขตโทษ หัวหอกทีมชาติอังกฤษแตะหลบ อาลีสซง แต่นายทวารชาวบราซิล ใช้มือซ้ายตัดบอลไว้ได้ทันควัน

แฟนผีปาดเหงื่ออีกรอบเมื่อนาที 42 เจสซี่ย์ ลินการ์ด ที่ลงสำรองไดไม่นานบาดเจ็บซ้ำอีกรอบจนเล่นต่อไม่ไหว ต้องให้ อเล็กซิส ซานเชซ ลงสนามแทน และเป็นอันว่าเปลี่ยนตัวครบ 3 คนตั้งแต่ยังไม่จบครึ่งแรก

ท้ายครึ่งแรก แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ลงไปนอนปฐมพยาบาลอีกรายหลังเจ็บในจังหวะเข้าบล็อก ลูกากู แต่ยังดีที่กลับมาเล่นต่อได้ และจบครึ่งแรกที่สกอร์ 0-0

กลับมาลุยต่อครึ่งหลัง ผีแดงได้ลุ้นก่อนในนาที 53 แอชลี่ย์ ยัง เล่นฟรีคิกสองจังหวะก่อนเปิดเข้าเขตโทษให้ อเล็กซิส ซานเชซ สอดไปโขกหลุดกรอบ แต่ลูกนี้ล้ำหน้าชัดเจน

นาที 66 เป็นโอกาสลุ้นของลิเวอร์พูลเมื่อ จอร์จินโย่ ไวนัลดุม ได้บอลฝั่งซ้ายก่อนเลี้ยงหนี 2 ตัวประกบแล้วลองซัดไกลทันที แต่บอลโด่งออกหลังไปไกล

อีก 4 นาทีถัดมาเป็นลิเวอร์พูลได้ลุ้น 2 ครั้งติดจังหวะเตะมุม จอร์จินโย่ ไวนัลดุม ได้สอดมาโขกแต่ติด สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ออกหลัง ทำให้ได้เตะมุมอีกครั้ง คราวนี้ โจเอล มาติป ได้โขกแต่ก็ไม่เข้ากรอบ

ผีแดงได้เฮเก้อในนาที 75 เมื่อได้ฟรีคิกเยื้องทางซ้าย ลุค ชอว์ เปิดเข้าเขตโทษเลยไปถึง คริส สมอลลิ่ง ได้ตบกลับืนมา โจเอล มาติป กองหลังหงส์แดงสกัดเข้าประตูตัวเอง ทว่าจังหวะนี้ สมอลลิ่ง ล้ำหน้าไปแล้ว

นาทีสุดท้าย ผีแดงได้เสียวอีกครั้งเมื่อ ลูกากู เปิดบอลจากซ้ายเข้าเขตโทษ บอลเลยไปถึง สมอลลิ่ง แต่แนวรับจอมเก๋าเข้าช้าไปนิดเลยไม่ได้ยิง

ช่วงเวลาที่เหลือ ไม่มีฝ่ายใดทำประตูกันได้ ทำให้จบเกม เสมอกันไป 0-0 ผีแดงหล่นมาอยู่ที่ 5 เพราะอาร์เซน่อลที่แข่งพร้อมกันเก็บชัยชนะเหนือเซาธ์แฮมป์ตันได้ทำให้ขึ้นไปที่ 4 แทน ส่วนลิเวอร์พูลนำจ่าฝูงเหนือแมนฯ ซิตี้ 1 คะแนนโดยที่แข่งเท่ากัน

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

แมนฯ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เคอา – แอชลี่ย์ ยัง, คริส สมอลลิ่ง, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, ลุค ชอว์ – อันเดร์ เอร์เรร่า, สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, ปอล ป็อกบา – ฆวน มาต้า, โรเมลู ลูกากู, มาร์คัส แรชฟอร์ด

ลิเวอร์พูล : อาลีสซง เบ็คเกอร์ – เจมส์ มิลเนอร์, โจเอล มาติป, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, จอร์จินโย่ ไวนัลดุม – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ซาดิโอ มาเน่