ปืนเครื่องแผ่วได้แค่เจ๊าไบรท์ตัน1-1

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก

ไบรท์ตัน 1 – อาร์เซน่อล 1

สนาม : เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม

    เริ่มเกมมา 4 นาที อาร์เซน่อล น่าเฮเหลือเกิน เมื่อ มัตเตโอ เกนดูซี่ วางยาวจากแดนตัวเองไปให้ ปิแอร์-เอเมอริก โอบาเมย็อง หลุดไปกระดกบอลหวังให้ข้ามตัว แม็ทธิว ไรอัน ทว่านายทวารชาวออสเตรเลียยังบินปัดออกหลังไปได้

กระทั่งนาทีที่ 7 กลายเป็นปืนใหญ่ที่ขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่แนวรับเจ้าบ้านสกัดบอลไม่ขาดหลายครั้ง สุดท้าย ลากาแซ็ตต์ ครองบอลในเขตโทษก่อนจะไหลไปพื้นที่ว่าง โอบาเมย็อง เอี้ยวตัววางเท้ายิงด้วยขวาย้อนทางตุงตาข่ายไม่เหลือ

ไบรท์ตัน พยายามหาจังหวะสวนกลับ นาทีที่ 29 ซอลลี่ มาร์ช ลากบอลมาทางขวาก่อนผ่านเข้ากลางให้ เกล็นน์ มาร์รี่ย์ วิ่งมายิงตามน้ำ แต่บอลเบาไปเข้ามือ แบร์นด์ เลโน่

นาทีให้หลังเป็นโอกาสหนีห่างของปืนใหญ่ เมื่อ ลูกัส ตอร์เรยร่า จ่ายทะลุไปให้ โอบาเมย็อง หลุดเดี่ยว แต่ยิงไปติดเซฟ ไรอัน ที่ล้มตัวปัดได้เยี่ยม

แต่นาทีที่ 35 กลายเป็น ไบรท์ตัน ที่ตีเสมอ 1-1 จากจังหวะเหมือนไม่มีอะไร บอลสาดยาวจากฝั่งเจ้าถิ่นมา สเตฟาน ลิคท์สไตเนอร์ โหม่งพลาดทำให้ เยอร์เก้น โลคาเดีย หลุดเดี่ยวไปแตะหลบ เลโน่ ก่อนยิงเข้าประตูไป

จากนั้น เจ้าบ้านก็เหมือนมีฮึด และกลับมาสู้ได้อย่างสูสี กระทั่งหมดครึ่งแรกยังเสมอกัน 1-1

เข้าสู่ครึ่งหลัง นาทีที่ 50 ไบรท์ตัน ได้โอกาส เมื่อ ซอลลี่ มาร์ช ได้ยิงไกล แต่ก็โดน เลโน่ ปัดออกหลังไป

อีก 9 นาทีถัดมา ยังเป็นโอกาสของเจ้าถิ่น เมื่อ โคลาเดีย ตั้งบอลให้ ดาวี่ ปร็อปเปอร์ ทะลุไปยิงด้วยขวาในเขตโทษ แต่ดันซัดหลุดกรอบออกไปเอง

รูปเกมของ อาร์เซน่อล ดูไม่กระเตื้องเลย และเกือบโดนทีเด็ดไบรท์ตันจากจังหวะสวนกลับ โลคาเดีย ลากเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายไปยิงด้วยซ้าย แต่บอลก็หลุดเสาไกลออกไป

ช่วงเวลาที่เหลือ ทั้งสองทีมก็ยังทำอะไรกันไม่ได้เหมือนเดิม จบเกมเสมอกัน 1-1 แบ่งไปทีมละแต้ม

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

 ไบรท์ตัน : แม็ทธิว ไรอัน, มาร์ติน มอนโตย่า, เชน ดัฟฟี่, เลออน บาโลกุน, แบร์นาร์โด้, ซอลลี่ มาร์ช, ปาสกาล โกรสส์, เดล สตีเฟ่นส์, ดาวี่ ปร็อปเปอร์, เยอร์เก้น โลคาเดีย, เกล็นน์ มาร์รี่ย์

 อาร์เซน่อล : แบร์นด์ เลโน่, สเตฟาน ลิคท์สไตเนอร์, โซคราติส ปาปัสทาโธปูลอส, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, เซอัด โคลาซินัช, ลูกัส ตอร์เรยร่า, เมซุต โอซิล, กรานิต ชาคา, มัตเตโอ เกนดูซี่, ปิแอร์-เอเมอริก โอบาเมย็อง, อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์

  ผู้ตัดสิน : แอนโธนี่ เทย์เลอร์